วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2552

วิดีโอฮาๆของชาวเด้นท์

วันนี้เราวิดีโอฮาๆของชาวเด้นท์มาฝากพวกเรา
อันแรกสำหรับใครที่ไม่ได้ไปม่วงสัมพันธ์ อันนี้เป็นการ
ของมหิดล ฮาดีแต่อันนี้จะไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ เป็นเกี่ยวกับการคัดตัวนักแสดง

อันต่อมา อันนี้ฮาจิงๆๆ เขาครีเอทมากๆอ่ะ เด้นท์จุฬาต้องอึ้งเรียกงั้นเลยที่เดียว มาดูกันให้เต็มตากับ โฆษณาม่วงๆๆ

คราวนี้มาถึงอันดับหนึ่งของความครีเอทของชาวม่วงสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น คนที่แสดงชื่อพี่เจนิเฟอร์อยู่มหาลัยเพื่อนๆเรียก เจนิเฟอโรซอรัส ส่วนคนถือร่มนั้นเป็น นายิกา สโม ของขอนแก่น ฮาพอกันทั้งคู่ การแสดงนี้เราขอแบ่งเป็นสองส่วนไม่งั้นมันจะเอาลงไม่ได้ (อาจเพราะไฟล์ใหญ่เกิน)

วันศุกร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2552

กีฬา 5 หมอ

"หมอฟันจะฟันหมอ เภสัชรอโดนหมอฟัน สัตวะเราไม่หวั่น เราหมอฟันไม่กลัวใคร สหเวชเฟรชชี่ดุ เก็บเข้ากรุหลีกทางไป ทันตะจะคว้าชัย ร้อยดวงใจสามัคคี "
ที่เขียนข้างบนนี่อย่าจิงจังมากนะ เราแต่งเอาฮา มันก็เลยดูแปลกๆ (ประกอบกับมึนแล้วด้วย)
เข้าใกล้งานกีฬาห้าหมอเข้ามาทุกทีแว้ว งวดเข้าทุกทีสำหรับการเตรียมงานทั้งงฝ่ายอุกรณ์ที่ลงมือทำอุปกรณ์(ม้าปิ้ง&เดอะ แก็งค์)สวยงามให้เราได้ใช้ ฝ่ายละคร(น้ำหอมหื่น&เดอะ ก๊วน) และสแตนด์(เฮียต้า และอาเน็ท) และที่สำคัญขาดไม่ได้ หัวเรือใหญ่งานนี้ คงหนีไม่พ้น ท่านเหว่ย(เซี๊ยะกัง รึป่าว?) ที่ทุ่มสุดๆ สละทิ้งซึ่งตำราเรียน ลงมาทำงานอย่างเต็มตัว (เอิ๊กส์!!) งานนี้เราก็ช่วยเขาด้วยน๊า (แม้จะไม่มาก) ดูเรื่องแสตนด์ไรงี้ เพราะฉะนั้น เอเยนซี่วิดีโออย่างเราก็ย่อมไม่พลาดที่จะทำภาพเพื่อนๆมาเผยแพร่กันอยู่แว้วววววว
มาดูกานเลยดีหว่า.................... อันนี้เป็นภาพการซ้อมสแตนด์วันศุกร์ที่ 23 มกราคม เพลงจงฟัง ดูแล้วชื่นจายไม่รู้ว่าวันจริง คนจะมากันเยอะแบบนี้อ๊ะป่าว เพราะเพื่อนๆที่มาช่วยส่วนหนึ่งต้องไปทริป จึงไม่สามารถมาช่วยได้ ถ้าเพื่อนที่ได้เข้ามาดูบล๊อคนี้ ก่อนวันงาน ก็ชวนมางานด้วยกันน๊า สิบเอ็ดโมงเจอกันที่เด้นท์พอยท์นะจ๊ะ

อันต่อไป เอามาให้ดูความตั้งใจของเหล่าผู้นำเชียร์ แห่งคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซ้อมกันตลอดเว(แอบใช้ศัพท์ ใหม่ กานต์นรี) กลับบ้านดึกๆ เพื่อที่จะสามารถนำแสตนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้หลีดยังช่วยพวกเรามาหลายครั้ง ทั้งขายของ บูมบัณฑิต etc. เราขอบคุณหลีดทุกคน(ปิง จูน ไอซ์ พลอย อัน ฝ้าย ตอง บัว จุ้ย ตาล และ new lead คือ บิ๊ก และอาร์ม-คู่รหัสเรา)มากๆที่มีความตั้งใจทำงานเพื่อเกียรติภูมิของคณะ และเราชาว Dent 70 ทุกคน นอกจากนี้ยังเป็นตัวอย่างที่ดีของผู้ทุ่มเททำงานอีกด้วย ^_^ เราขอบคุณมากสำหรับทุกหยาดเหงื่อ หยาดน้ำตา ทุกความตั้งใจของหลีดและพี่หลีดที่มีให้พวกเรา ขอบคุณจริงๆ สู้ๆๆๆๆๆๆๆนะ (ถึงคลิปนี้จะไม่สมบูรณ์ แต่เชื่อว่าจะช่วยสร้างความสมบูรณ์ของคำว่า "รุ่น"ให้กับเราได้)

อันสุดท้ายเป็นภาพของพวกเราที่ร่วมกันร้องเพลง "เกียรติภูมิจุฬาฯ" ในห้อง509 ตึกใหม่ เป็นอีกบรรยากาศที่เราประทับใจ แม้เสียงในคลิป(เป็นที่อุปกรณ์)จะไม่ดัง (ก็พยายามฟังหน่อยละกัน นะจ๊ะ!!) แต่เราเห็นสวยตาของทุกคน ความเงียบในเวลาที่ควรเงียบ ความจดจ่อตั้งใจของเพื่อนๆแล้ว รู้สึกดี เพราะ เพลงนี้ไม่ได้แค่ออกมาจากปาก แต่ผมเชื่อว่าเสียงเพลงนี้ออกมาจากหัวใจอันเทิดไว้สูงสุดซึ่งเกียรติภูมิแห่งมหาวิทยาลัย จริงๆแล้ว ใครๆก็อาจร้องเพลงๆนี้ได้ แต่ไม่มีใครที่จะร้องเพลงนี้ได้อย่างภาคภูมิใจมากเท่ากับ "นิสิตจุฬาฯ" เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่เราร้องเพลงมหาวิทยาลัย จึงควรร้องจากใจ ร้องด้วยความภาคภูมิใจ ร้องด้วยความเชื่อมั่น ศรัทธาในมหาวิทยาลัยของเรา เราจะมีความสุขที่จะร้องเพลง เมื่อนั้นคนฟังก็จะรู้สึกได้ถึงพลังเสียงจุฬาฯ ว่าขลัง ศักดิ์สิทธิ์ สง่างาม ควรค่าแก่การชื่นชมและชื่นใจ ทำได้ดังนั้นบทเพลงจึงมีค่าแท้คือจรรโลงใจ มิใช่เพียงแต่ถูกใจอันเป็นคุณค่าเทียม

"สีชมพูจักอยู่ในกายเจ้า พระเกี้ยวเกล้าจักอยู่เป็นคู่ขวัญ"

เรามีความสุขเมื่อร้องเพลง เราภูมิใจ เราจะยิ้ม แล้วส่งความรู้สึกดีๆเกี่ยวกับจุฬาในตัวเราไปยังคนที่อยู่รอบข้าง เค้าจึงจะได้สัมผัสถึงเสี้ยวหนึ่งของเลือดจุฬาฯ

วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2552

My Favorite Stuff



ตอนนี้ ชีวิตใครติดเข็มทิศแล้วบ้างงงง???
เรามีหนังสือเล่มหนึ่งที่อ่านแล้วประทับใจมาก “เข็มทิศชีวิต” ของคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ตอนแรกก็สงสัยว่ามีอะไรดีทำไมคนถึงอ่านกันเยอะมาก จนต้องพิมพ์ถึง 50ครั้ง แต่พอมาอ่านเองแล้วก็ get ที่เราชอบเพราะมันทำให้ชีวิตเรามีความสุขขึ้น ไม่ทำร้ายตัวเองด้วยใจที่ขาดความรู้สึกตัว เราอยากจะเอามุมมองดีๆที่เราอาจเคยเป็นมาแบ่งปันเพื่อนๆ.. อยากให้อ่านน๊า!!!
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ได้รับความนิยมสูงมากเล่มหนึ่ง (มีการพิมพ์แล้วกว่า ๕๐ ครั้ง) เหตุที่ได้รับความนิยมมากเป็นเพราะเป็นหนังสือที่อ่านเข้าใจง่าย สถานการณ์ในเรื่องตรงกับประสบการณ์ของคนทุกคน ผู้เขียนสามารถยกตัวอย่างได้เห็นภาพชัดเจน และผู้เขียนสามารถแก้ไขปัญหาชีวิตของท่านเอง คือหนี้สินเกือบร้อยล้าน ได้ในเวลาเพียง ๓ ปี ด้วยการมี “เข็มทิศชีวิต” เมื่อข้าพเจ้าอ่านหนังสือ “เข็มทิศชีวิต” จบแล้ว ข้าพเจ้าได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมายแต่ สรุปเป็นประเด็นได้ คือ “ความทุกข์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ล้วนแต่มีที่มาจากใจที่ไร้ความรู้สึกตัว(สติ)ของเราทั้งสิ้น ดังนั้น หากเราปรารถนาจะมีชีวิตที่เป็นสุข เราจะต้องใช้เข็มทิศชีวิต(สติ)นำทางสู่จุดหมาย เพื่อจะได้ไม่หลงไปจากจุดหมาย” จากประเด็นหลักดังกล่าว สามารถขยายความได้ดังนี้ ในชีวิตแต่ละวันของเราต้องพบเจอกับเหตุการณ์มากมาย มีสุขบ้าง ทุกข์บ้างคละเคล้ากันไป เมื่อเผชิญกับความสุขเราอยู่ได้ ไม่มีปัญหา แต่พอเจอกับความทุกข์ บางคนถึงขนาดกระทำอัตวินิบากกรรมพยายามที่จะหนีความทุกข์ เพราะไม่สามารถรับมือกับความทุกข์ที่เกิดขึ้นได้ หรือบางคนเมื่อผิดหวังในความรัก โดนแฟนทิ้ง บอกว่าเป็นทุกข์ ต้องไปดื่มเหล้าลืมทุกข์ พอดื่มแล้วก็ไปขับรถ ประสบอุบัติเหตุกลายเป็นคนพิการ ขยับตัวไม่ได้ จึงจะรู้สึกว่าทุกข์นี้ยิ่งใหญ่กว่าทุกข์ตอนถูกแฟนทิ้งเสียอีก แต่กว่าจะคิดได้ก็สายเกินแก้เสียแล้ว เหตุที่ต้องมาทุกข์แบบนี้ก็เพราะการดื่มเหล้าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุด ที่แก้ได้ไม่ถูกจุดเพราะเขาขาด “ความรู้สึกตัว-เข็มทิศชีวิต” หรือ ในทางพุทธศาสนาเรียกว่า สติ เลยไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว ใจเรานี่หละ ที่ทำให้เกิดทุกข์ ใจเราไปผูกเอาเอง คิดเอาเองว่าเขาเป็น “ของเรา” และจะต้องเป็นไปอย่างที่เราอยากให้เป็น เมื่อไม่ได้ดังหวังก็ทุกข์ หากเรามีสติแต่ต้นเราก็จะคิดได้ว่า “บางครั้งเรายังบังคับตัวเองให้เป็นตามที่เราต้องการไม่ได้เลย แล้วเราจะไปบังคับเขาให้รักเราได้อย่างไร” หรือบางครั้งเขาว่าเราคำเดียว ใจเราก็กลับมาคิดจนเป็นเรื่องใหญ่ ถ้ามีสติเราจะคิดได้ว่า “คนอื่นเขาเอามีดมาแทงเราครั้งเดียว แต่ใจเรานี่หละที่เอามีดมาแทงตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่รู้สึกตัว”
ธรรมชาติของมนุษย์นั้น “รักตัวเอง” ถ้าเรารู้ว่ากำลังทำร้ายตัวเอง เราจะหยุดโดยทันที เมื่อเรากำลังคิดว่าเขาว่าเราอย่างงั้นอย่างงี้ คิดแล้วมันก็ทุกข์ใจ หากว่าเรามีสติ เราก็จะเห็นภาพตัวเรากำลังหยิบมีดขึ้นมาแทงตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก จะเกิดคำถามว่า คิดแล้วใครเจ็บ? ก็ตัวเรามิใช่หรือ แล้วคิดทำไม? ก็นั่นหน่ะสิ เลิกคิดดีกว่า ด้วยการมีสติจึงสามารถทุเลาทุกข์ลงได้ และจะทำให้เราเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น ลด โลภ โกรธ หลงได้ดี ใจจะสงบและเกิดปัญญาแก้ไขปัญหาได้ อธิบายมาถึงตรงนี้ ท่านคงทราบแล้วว่า การขาดเข็มทิศนั้นส่งผลเสียต่อเราอย่างไร และการมีเข็มทิศประจำใจนั้นช่วยบรรเทาโรคทุกข์ได้มากเพียงใด แต่ยังอาจสงสัยอยู่ว่าแล้วการมีเข็มทิศจะช่วยให้เราถึงจุดหมายคือความสุขในชีวิตโดยไม่หลงทางได้อย่างไร ดังจะมีตัวอย่างเรื่อง “นักบวชกับจีวร” มีเรื่องเล่าว่า มีนักบวชรูปหนึ่งเคร่งภาวนามาก อาจารย์จึงให้ไปภาวนาคนเดียวที่กุฏิชายป่า วันหนึ่งมีหนูมากัดจีวร แทนที่พระจะแก้ปัญหาด้วยตนเอง กลับแก้ด้วยการเอาแมวมาเลี้ยง พอเอาแมวมาเลี้ยงก็ต้องหานมให้แมวกิน พอคร้านหานมให้แมวกินเลยขอวัวชาวบ้านมาเลี้ยง เลยต้องหาหญ้ามาให้วัวกิน แต่ตัวเองก็ต้องภาวนา จึงจ้างหญิงชาวบ้านมาตัดหญ้าเลี้ยงวัว นานวันไปไม่อยากเสียค่าจ้างตัดหญ้า ก็เลยแต่งงานอยู่กินกับหญิงชาวบ้านนั้น เลยต้องสึกออกมาทำมาหากิน
จากตอนแรกที่ตั้งใจบวชเพื่อภาวนา กลับกลายมาเป็นการแต่งงานใช้ชีวิตฆราวาส ที่พลาดไปเพราะนักบวชนักไม่มีเข็มทิศกำกับการเดินทางของท่าน ผ่านไปแต่ละวัน ทิศทางสู่จุดหมายของท่านก็เบี่ยงเบนไปทีละน้อย จนในที่สุดก็พาท่านออกนอกเส้นทางที่ตั้งใจ เฉกเช่นเดียวกับชีวิตของเรา หากเราไม่หมั่นตรวจสอบจุดหมายและทิศทางของเราด้วยเข็มทิศประจำใจ เราก็จะหลงทาง แต่หากเราฝึกสติ รู้สึกตัวเสมอไม่ว่าจะทำอะไร หมั่นเช็คการกระทำสม่ำเสมอจะทำให้เราเดินทางสู่จุดหมายได้อย่างราบรื่นและเป็นสุข

วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2552

ม่วงสัมพันธ์ สามวันสองแคว

ม่วงสัมพันธ์ สามวันสองแคว

เมื่อวันที่ 5-7 ธันวาคมปีที่แล้ว พวกเราชาว "DENT" จากทุกมหาลัย ได้มีโอกาสไปเจอกัน ปีนี้ม.นเรศวรรับเป็นเจ้าภาพ พวกเราจากจุฬาไปกัน 2o กว่าคนได้ เป็นปีหนึ่งไปซะเจ็ด (ต้า บูม เด&ภา นุช ดุ๊ก เป๊ก)เราเริ่มออกเดินทางตอนตีหนึ่ง ต้องเดินจากหอไปคณะคนเดียว (น่ากัวได้อีก!!) พอขึ้นรถก้อหาที่นั่งกัน เราไปอยู่ท้ายสุดเลย พอขึ้นรถได้ก็ตั้งหน้าตั้งตาหลับ (เอิ๊ก)
เวลาประมาณหกโมงพวกเราก็มาเถิงที่พิษณุโลก อากาศเย็นๆๆมาก บรรยากาศดี แปรงฟันแล้วไปเดินเที่ยวแถวๆหอพระกลางน้ำ มีคนมาวิ่งปลายอยู่(พี่น้ำปีสองเราก็ไปวิ่งกะเขาด้วย-วิ่งจนหาไม่เจอเลยทีเดียว เอิ๊ก!)แล้วก็ไปเที่ยวรอบ มหาลัย ไหว้พระนเรศวร แล้วเข้าไปเที่ยวในเมือง นั่งรถรางไป เที่ยว พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี- ขอแนะนำใครไปควรเข้าไปชม เขาบรรยายดีมาก ของเยอะ ทำให้เราถึงกับต้อง “อึ้ง”กับภูมิปัญญาชาวบ้านเลยทีเดียว recommendต้องไปให้ได้(ไม่รู้เขาจะทำไปได้อีกนานแค่ไหนนะ !! ควรรีบไปดู) จากนั้นไปไหว้พระพุทธชินราช โอ้ว!!พระพุทธรูป งามได้อีกๆๆ แล้วก้อต้องไปกิน “เมี่ยงเสียบไม้”ที่นี่อร่อยที่สุดตั้งกะเคยกินมา หวาน มัน เปรี้ยว หนึบ ไปพร้อมๆกัน อันนี้ถ้าไปก้อต้องไปกิน เราได้เพื่อนใหม่เป็นเพื่อนปี 6 มหาลัยนเรศวร (หน้าไปกันได้-กัดตัวเองซะ-ชนะตนได้นั่นแหละดี) แล้วก็ไปโรงแรมทรัพย์ไพวัลย์อยู่บนเขาเล็กๆ อากาศเย็นสุดๆ โรงแรมหรูดี บริการเป็นเลิศ สวยด้วย ท่าทางเจ้าของจะชอบช้างมาก มีรูปช้างทุกอิริยาบถ (ชอบมากตอนช้างยืนครั้งแรก-เพิ่งเกิด) ถ้าให้กินเนสมาดูพี่แกคงได้รางวัล โรงแรมที่มีรูปช้างมากสุดในโลก “ไม่มีที่ไหนในโรงแรมมองไม่เห็นช้าง” มีกิจกรรมต่างๆให้ทำอย่างมากมาย สนุกมาก คนที่ไปก็น่ารัก ตลก ฮาได้อีก อันแรกนี้เป็นวิดิโอเต้นสันของ เจ้าภาพ ม.นเรศวร ก็หนุกดี อีกอันเป็นลีลาศเปิดงานม่วงสัมพันธ์



จากนั้นมาดูการแสดงแต่ละมหาวิทยาลัยกันดีกว่า เหอๆๆ มาจัดเรท เปิดตัวด้วยอันดับที่สาม..........

มหาวิทยาลัยนเรศวร เย๊!! ทำเราเกือบเอาชีวิตไม่รอด งานนี้ พลุกระจาย!! งานนี้มีสวยสี่ แปลกหนึ่ง ดูเอาเองละกัน จะบอกว่าความจิงที่แปลกก็อยู่ในวิดีโอแถวๆนี้ละ เอิ๊ก!! (ใบ้ๆๆ- ไม้หน้าหมวก)

พี่ที่ว่าแปลกนี่ก็พี่บ้านเราเอง

วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2552

ของชอบ-(ถ่ายVDO)เรื่องราวชาวDENT (ต้องห้ามสำหรับคนไม่ใช่เด้นท์ จุฬากะ อาจารย์คอม--คือ แอบเสื่อมนิดนึงส์)

ตั้งกะเข้ามาเรียนที่นี่ มีกิจกรรมให้เราทำตั้งมากมาย บางครั้งก็เหนื่อยแต่ก็สนุกดี

ที่สำคัญมันได้สอนให้เรารู้จักการเปิดใจกว้างรับฟังผู้อื่น และได้รู้จักคุณค่าคำว่าเพื่อนมากขึ้น

ประทับใจมาก วันนี้ก็เลยเอาภาพที่เราบันทึกไว้มาเผยแพร่ เอิ๊ก!!!

มาเริ่มที่อันแรกเลยงาน Freshy night ประทับใจสุดเห็นจะเป็นโชว์พี่ปี 4

แบบว่า สวย..นิดนึง


ก็น่ารักดี พี่เค้าแรงเจงๆๆ เหอๆๆ นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายกิจกรรมที่เราประทับใจ

นอกจากกิจกรรมของพี่ๆกิจกรรมในชั้นปีเราก็ไม่น้อยเช่นกัน

พวกเราฮากันได้ตลอดเวลา แม้แต่ในเวลาเรียน โดยเฉพาะ เขาคนนี้ ไม่ต้องทำท่าประหลาด

แค่จับไมค์เพื่อนๆ ก็หัวเราะแล้ว คราวนี้มาดูคารมณ์ของเด็กเชียงใหม่คนนี้ ในชั่วโมง Prof Dev

(เราไม่อยากให้มิวซิ่วเลยยย... คณะเราคงขาดสีสันไปเยอะ แต่วันนี้เป็นวันเกิดมิว พอดีต้องซ้อมแสตนด์มิวก็มาด้วย ขยันซ้อมอ่ะ มาทุกวันเลย พวกเราเลยวางแผนกัน ให้หลีดเต้น แล้วสั่ง Happy Birth Day มิวชายค่ะ 1....2....3...Happy Birth Day มิวชายพร้อม 3...4 Happy birthday to mew!!! แล้วพวกเราจะร้องเพลงกัน แต่เพราะคนรักพี่มิวมาก ก็เลยร้องตัดหน้าไปก่อง !! แต่ไงก้อ Happy Birthday นะค้าบ)

แล้วพี่เพิ่งสดๆร้อนๆ "โชว์ไก่ พร้อม สามสี่" ของพี่มิวฮามากกกกกกกกกกกกกก แต่พี่เขาไม่ให้เปิดเผยนะคับ เอิ๊ก!! อันต่อมาเป็นอาจารย์ปอของเราเอง นั่งเรียนคอม อยู่หน้าสุดแต่เฮียแกก็หลับได้

เลยโดนเราเอามาทำspot โฆษณา ที่พวกเรารู้จักกันดี "คุณคะ........" ดูที่แว่นอ่ะ

อายเหมือนกันนะ แต่ก็หนุกดีๆๆเอิ๊ก !! เสียภาพพจน์นิดหน่อย

เขิล!!!!!!!!!!!!!!!

ส่วนอันนี้ก็เป็นกิจกรรมที่เราประทับใจอีกอย่างหนึ่ง เราไปสอนหนังสือ(เลข)เด็ก ป.๑ ที่ชุมชนตึกแดงบางซื่อ น้องๆที่นั่นเขาน่ารักดี เด็กๆบางคนสดใส บางคนเศร้าซึม แม้กระทั่งในกิจกรรมที่สนุก ตอนแรกคิดว่าเราไปในฐานะผู้ให้แก่คนอื่น แต่ความรู้สึกตอนกลับ คือเป็นผู้รับมากกว่า เราได้อะไรหลายอย่างที่คาดไม่ถึง เราได้เห็นความเสียสละของกลุ่มครูอาสา มาสอนไม่มีค่าจ้าง บางครั้งต้องจ่ายเงินค่าอุปกรณ์ แต่ผมคิดว่าสิ่งที่ได้มีค่ายิ่งใหญ่กว่ามูลค่าเงิน คือการได้รู้จักแบ่งปัน และรักผู้อื่นโดยไม่หวังผล ในชีวิตของเรา เราพยายามอย่างหนักที่จะสร้างฐานะทางการเงินหรือหลายๆอย่าง เพื่อให้ชีวิตมีความมั่นคง เพื่อจะได้มีความสุข มีคนมารักเรา แต่การมาที่นี่เราเพียงแต่เราได้ "ให้"เราก็จะได้รับความสุข ความรัก จากเด็กๆ ผมจึงเข้าใจถึงคำที่อาจารย์ที่โรงเรียนเก่าได้สอนให้ผมจำไว้ว่า "Give, and then take" ให้เรารู้จักการให้กับผู้อื่นก่อน แล้วเราจะมีความสุข ^_^ มาดูรถด่วนเด็ก ป.๑ ดิกว่า ว่าจะเจ๋งขนาดไหน ไอคนริมนี่คือ เจ้าอาท ไอนี้เฮี้ยวเจง!!

อีกอัน เด็กๆเต้นไก่ย่างเวอร์ชั่น ไก่ย่างพิการ มาดูกาน

ชวนเพื่อนไปสอนกันได้นะ เรา เหว่ย บูมไปมาแล้ว มีวันเสาร์ ที่ ตึกแดง (เก้าโมงเช้าถึงเที่ยง)

วันอาทิตย์ เช้า (เก้าถึงเที่ยง) ที่ คลองหลอด บ่าย(หนึ่งถึงสี่) ที่ใต้สะพานอรุณอมรินทร์ ไปกะกลุ่มซ.โซ่อาสา (ลองsearchในเน็ตดูกะได้ชื่อกลุ่มอ่ะ)

วันพุธที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2552

มาดูหลีดจุฬาVSหลีดมธ. เปิดเทศฯ 65

"เกียรติเรา เชิดชู ให้รู้กันทั่วหล้า
ธรรมศาสตร์ จุฬา ลือชื่อไกล"

เมื่อตอนเปิดเทศงานบอล 65 เราแอบแว็บไปดูมาหลังประชุมที่ตึกจุลเส็ด

หนุกดีแหละ เด็กจุฬาไปเยอะมั่กกๆๆๆ อยากให้วันจริงพวกเราไปกันเยอะๆนะ

สแตนด์เราจะได้เต็มก่อน มธ. (ซ้าที.. เหอๆ) ปีนี้มีเพื่อนๆเราหลายคน

ออกแบบcode งานบอลด้วยนะ ไปดูฝีมือเพื่อนพ้องน้องพี่เลือดสีชมพูได้

วันที่ 31 มกราคม 52 เวลา 13.13 น. ประตู 18 สนามศุภชลาศัย (TATTOO COLOUR ก็ยังมา

มาประเดิมด้วยซิงเกิลแรกจาก ลูกพระเกี้ยว กับบทเพลงที่ร้องกันจนติดจาย เดินจุฬา

คราวนี้มาดูฟากลูกเหลือง-แดง(กองกำลังผสม)บ้าง ถึงคนจะมาน้อยเพราะอยู่ห่างไกล

แต่ผมว่าใจเขามาเต็มที่เหมือนกันนะคับ (ของเขาแรงจิง) แต่ของเราแรงกว่า(เอิ๊ก!!)

มีอีกๆ บูมบาก้ากะจุฬาน่าร๊ากที่ซู๊ดดดด.......................

และท้ายสุด สุดท้าย ความภาคภูมิใจของเราชาว DENT กับ

การเปิดตัว "จุฬาคฑากร" หรือ กองทัพดรัมเมเยอร์เลือดสีชมพู ที่รื้อฟื้นกลับมาอีกครั้ง

จากครั้งสุดท้ายเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน งวดนี้มีรุ่นพี่คณะเราด้วยนะเฟร้ย!! คนซ้ายสุดอ่ะ

พี่วิน #4 (พี่รหัสน้องมิ้นท์ หลีดอ่ะ เหอๆ)

ถึงโอกาสอีกครั้งที่เลือดจุฬาฯจะรวมพลัง ปล่อยลำแสงพิฆาตใส่ธรรมศาสตร์(ปิ้วๆ..)

ล้อเล่นน่า!! ยังไงก็อย่าลืมมากันให้ได้นะคับ สักครั้งหนึ่งในชีวิตนิสิตจุฬาฯ มาร่วมกัน

เพื่อสร้างสรรค์พลังแห่งสามัคคี ระหว่างทั้งสองสถาบันเพื่อจะได้เป็นตัวอย่างที่ดีของ

การแข่งขันกันอย่างสร้างสรรค์และมีน้ำใจของนักกีฬาของคนทุกกลุ่มในสังคม

โดยเฉพาะผู้ปกครองบ้านเมือง.. และเป็นการแสดงพลังของนิสิตจุฬา-นักศึกษาธรรมศาสตร์ในทางที่ดี

(ฟุตบอลจุฬา- ธรรมศาสตร์มีอะไรมากกว่าแค่การเตะฟุตบอลและการเชียร์ ไม่มา...ก็คงไม่รู้)

วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2552

วีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของชาวทุ่งลาดหญ้า ยังคงค่าหรือไม่?ในใจคนไทย



“เลือดของกูไหลหลั่งครั้งสร้างชาติ
กายกูขาดชีพกูสิ้นเพื่อถิ่นขวาน
วิญญาณกูถวายได้ปกไทยนาม
ป้องเขตครามสยามรัฐพิพัฒน์ไทย”
ปณิธานแต่กาลต้นคนสยาม
พะแพรวพรามพร่างพราวราวไถง
ส่องสว่างทางสถิตชีวิตไทย
“จะนำไกลไผทขวานตระการงาม”
มาวันนี้ลูกหลานไทยทำไรอยู่
ช่วยเชิดชูอุปถัมภ์หรือย่ำหยาม
เกียรติภูมิไผทรัฐกระจัดนาม
จะเรืองรามฤาทรามต่ำ “เพราะทำตน”

กล้าจามจุรี

ภาพแรกแห่งความทรงจำของนิสิตในพระปรมาภิไธย จะจดจำจนวันสุดท้ายของชีวิต

ธงไตรรงค์โบกไสวบ่งไทยชาติ
กล่าวประกาศอธิปไตยไผทสยาม
เกียรติยศปรากฏไปว่าไทยนาม
ตระหง่านงามโดดเด่นเห็นแต่ไกล
หอประชุมจุฬาค่าสูงส่ง
แหล่งธำรงศิลปกรรมสยามสมัย
สะท้อนค่าสถาปัตย์สมบัติไทย
เอกลักษณ์ปกปักไว้ให้อนุชน
พระบรมรูปพระเธียรไท้ไทยปราชญ์
พระปิย(มหา)ราชเกียรติเกริกไกรไปทุกหน
ขวํญฤทัยปวงมหาประชาชน
มิ่งกมลผสกจุฬาฯทุกหน้านาม
จามจุรีหลากหลายเรียงรายรอบ
แผ่กิ่งนอบปูชนีย์ศรีสยาม
กษัตริยานุสาวรีย์ไตรรงค์งาม
มีนัยความอันบอกบ่งเป็นธงไชย
จุฬาฯรู้บูชาชาติศาสน์กษัตริย์
จักปกรัฐพัฒน์บ้านเมืองให้เรืองสมัย
จักมิยอมหากใครหยามพระทรงชัย
จักมิให้ “ปรสิต” กัดกินเมือง
"จักต่อสู้ด้วยดวงใจอันบริสุทธิ์
จักรณยุทธ์ด้วยคุณธรรมนำวิถี
จักปกป้องอธิปไตยแดนไทยนี้
ด้วยชีวีจึงควรค่า “จุฬาลงกรณ์”"

กล้าจามจุรี